ประวัติของท่านมโนราคล้าย เป็นประวัติที่น่าสนใจ เนื่องจากท่านเป็นมโนราหลวง คนเดียวของประเทศไทย แต่ประที่ผมได้จากการสัมภาษณ์ ลูก สาวของท่านกับไม่ตรงกับ หนังสือสารานุกรมไทย ภาคใต้ และ สถาบันทักษิณคดีศึกษา เพราะในหนังสือ และสถาบันทักษิณ บอกว่าท่าน ชื่อ หมื่นระบำบันเทิงชาตรี ( คล้าย มโนเรศ ) และเป็นชาวนครศรีธรรมราช แต่รูปถ่ายเป็นคนดนเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่น่า ค้นหาเพราะตอนนี้ปรัว้ติศาสตร์ อาจจะถูกบิดเบือน
เข้ากรุงเทพฯ ครั้งที่ ๒
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้โนราคล้ายขี้หนอน โนรามณฑลนครสรีธรรมราช อันมี โนรามดลิ้น โนรากลิ้ง ตำบลควนเกย อำเภอร่อนพิบูลย์ โนราเสือ อำเภอทุ่งสง โนราพรัด (น่าจะเป็นโนราพรัด สนามไชย) โนราไข่ร็องแร็ง บ้านทุ่งโพธิ์ ตำบลสามตำบล อำเภอร่อนพิบูลย์ ( ปัจจุบันอำเภอจุฬาภรณ์ ) พรานทองแก้ว พรานนุ่น กับลูกคู่รวม ๑๔ คน เข้าไปรำถวายหน้าพระที่นั่งภายในพระบรมมหาราชวัง ในครั้งนี้ โนรามดลิ้น ซึ่งแสดงเป็นตัวนาง ได้รับพระราชทานนามสกุลว่า “ยอดระบำ”
เข้ากรุงเทพฯ ครั้งที่ ๓
เมื่อกลับจากกรุงเทพฯ ในครั้งที่ ๒ แล้ว ต่อมาในระยะเวลาไม่ถึง ๒ เดือน ทางราชการได้เรียกตัวหมื่นระบำบันเทิงชาตรี ให้นำคณะโนรา มณฑลนครศรีธรรมราช เข้าไปแสดงในกรุงเทพฯ อีก ในการแสดงครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายศิลปากร ได้ถ่ายรูปท่ารำต่าง ๆ ของหมื่นระบำ และโนราเย็น แห่ง
อำเภอฉวาง ผู้เป็นศิษย์ ไว้เป็นแบบฉบับ เพื่อศึกษาและเผยแพร่
ดังปรากฏในหนังสือตำรารำไทยในหอสมุดแห่งชาติ (ภาพลูกศิษย์
คนเฒ่าคนแก่ในตำบลชิงโคกล่าวว่าน่าจะเป็นโนราทุ่ม ชิงโค)
ต่อมา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หมื่นระบำบันเทิงชาตรี นำคณะโนรา มณฑลนครศรีธรรมราช เข้ารำถวายอีก แต่ในคราวนี้หมื่นระบำบันเทิงชาตรี ชรามาก จึงเดินทางไปไม่ได้ แต่ก็ได้มอบหมายให้ โนรามดลิ้น ยอดระบำ เป็นหัวหน้าคณะนำโนรา ๑๒ คน ไปรำถวายแทน
จากคำบอกเล่าของ คนเฒ่าคนแก่ในตำบลชิงโค โนราคล้าย เป็น
โนราที่ รำได้อ่อนช้อยงดงามมาก มีชื่อเสียงมากในเมืองสงขลา และใกล้เคียง
และได้เข้าไปรำถวาย สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ อุปราช
มณฑลปักษ์ใต้ และสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช
ณ วังเขาน้อย เมืองสงขลา จนได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์ เป็น ขุนระบำบันเทิงชาตรี พร้อมกันนี้ได้ แต่งตั้งให้เป็น “โนราหลวง มณฑลนครศรีธรรมราช” พร้อมกับ หนังขับ ดีหลวง ที่ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ ให้เป็นขุนลอยฟ้าโพยมหน (ขับ กล่อมเกลี้ยง ) แต่งตั้งให้เป็น “หนังตะลุงหลวง มณฑลนครศรีธรรมราช” ถ้าเป็นในคราวเดียวกันกับหนังขับ ก็จะเป็นการรำถวาย ในวังเขาน้อย อำเภอเมืองสงขลา เพื่อรับทูตฝรั่ง ประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๗ หรือ ๒๔๖๘ หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็น “โนราหลวง”ท่าน มักจะถูกเรียกตัวไปแสดงถวายกรมหลวงฯ ณ วังเขาน้อยเป็นประจำ โนราคล้าย ท่านได้รับพระราชทานนามสกุลจาก กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ว่า มโนรี แต่ปัจจุบันนามสกุลนี้หมดไปแล้ว เนื่องจากมีเพียงลูกสาวคนเล็กของท่านที่ใช้ เมื่อแต่งงานก็เปลี่นยไปใช้นามสกุลของสามี ว่ากันว่าผู้ที่ พาโนราคล้าย และหนังขับ เข้าแสดงถวายกรมหลวงลพบุรีราเมศ คือ ขุนชิงโคคณาทร (หนู ธรรมโชติ) และ หมื่นสุวรรณมณีกุล ทั้ง ๒ ท่านนี้เป็นอดีตกำนันตำบลชิงโค
ขุนระบำบันเทิงชาตรี เป็นชาวจังหวัดสงขลา มีความสามารถในการรำโนราตัวอ่อน เป็นเยี่ยม จึงได้รับต่งตั้งให้เป็น “โนราหลวง มณฑลนครศรีธรรมราช” มีบรรดาศักดิ์เป็น “ขุน” จากสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ อุปราชมณฑลปักษ์ใต้ และสมุหเทศาภิบาลมณฑลครศรีธรรมราช และมีชื่อเสียงมากตลอดช่วงรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลที่ ๙ หลังจากเป็น โนราหลวง ท่านขุนระบำ ได้รับสิทธิพิเศษ จากทางราชการ นั่นคือไม่ต้องเสียเงินค่าราชการ (น่าจะเป็นภาษี) ซ่งเรียกกันในสมัยนั่นว่า “ใบ ๔ บาท” เพราะในสงขลา เสียปีละ ๔ บาท ในการแสดงในงานหลวง จะมีหนังสือตราครุฑสีแดง ให้เจ้าหน้าที่นำมาให้ ทุกครั้งที่ได้รับหนังสือแม้จะติดงานที่ใดก็ต้องคืน เพื่อไปเล่นให้งานหลวงทุกครั้ง การเล่นให้หลวง ไม่มีค่าราด (ค่าจ้างแสดง) อย่างงานเอกชนทั่วไป ก็มีแต่เบี้ยเลี้ยงเท่านั้น
จากคำบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ สมัยนั้น โนราคล้าย ถือว่าเป็นบรมครูของมโนรา และถือว่าเป็นสุดยอดของมโนราสยาม เพราะในสมัยนั้นการประชันโนราท่านไม่เคยแพ้มโนราคณะอื่น เช่นการประชันที่วัดโลการาม ตำบลสทิงหม้อ อำเภอเมือง (ปัจจุบันอำเภอสิงหนคร) จังหวัดสงขลา ให้มีการเหยียบดาบ คมๆ ๗ ขั้น แต่ท่านก็มิได้มีบาดแผลแต่อย่างใด
เครื่อง มโนรา ของท่าน เป็นเครื่องเงิน ทั้งชุด ปัจจุบันไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน หลังจากท่านโนราคล้ายถึงแก่กรรม นั้นได้มีลูกศิษย์ ชื่อโนรา มาขอยืนไป ใช้ในพิธีโนราลงครูของคณะตนและไม่ได้นำมาคืน แต่เครื่อง ทรงโนราของท่านจะแปลก ไม่เหมือนกับของโนราท่านอื่น เพราะมีคนกล่าวว่าเหมือนศิลปะทางภาคกลาง จึงสัณนิษฐานว่าจะได้รับพระราชทานมา
วาระสุดท้ายของชีวิตท่าน ขุนระบำบันเทิงชาตรี หรือโนราคล้ายขี้หนอน ท่านเป็นโนราที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดสงขลา และมณฑลนครศรีธรรมราช ในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง จนถึงตอนปลาย ท่าน
มีชีวิตอยู่ถึง ๖ แผ่นดิน คือท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๔
และถึงแก่กรรมในสมัยรัชกาลที่ ๙ ท่านถึงแก่กรรมวันศุกร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน
๑๒ พ.ศ. ๒๔๙๔ ศิริอายุ รวมได้ ๘๐ ปี ตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่บ้าน ในหมู่บ้านหัวทรายขาว ตำบลชิงโค ๗ วัน และญาปนกิจ ณ เมรุชั่วคราว
(สามส้าง) วัดบ่อทอง (ตาหลวงคง) ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา อัฐิ เก็บไว้ ใบบัว ภายในวัดสลักป่าใหม่ ตำบลชิงโค
ขุนระบำบันเทิงชาตรี หรือโนราคล้ายขี้หนอน ของชาวบ้านชาวเมืองในสมัยนั้น นับว่าเป็นศิลปินโนรา อาวุโสของจังหวัดสงขลา โดยเป็นโนราคนแรกที่ได้นำเอาศิลปะการร่ายรำแบบโนราไปเผยแพร่ในเมืองหลวงยุคนั้น และยังได้รำถวายหน้าพระเจ้าแผ่นดิน ถึง สองพระองค์ จนทางการเห็นความสำคัญของโนรา จึงจดบันทึกและถ่ายภาพไว้ศึกษา (หนังสือท่ารำไทย) และได้รับไว้เป็นการแสดงของชาติในเวลาต่อมา
ขุนระบำบันเทิงชาตรี เป็นผู้ที่มีลูกศิษย์มากมาย อาทิ โนราพรัด สนามชัย โนราทุ่ม ชิงโค
โนราฉิ้น ปาแตร ระโนด โนราสิม ควนกาหลง สตูล โนราจอน โนราจวง ปากรอ และพรานที่อยู่คณะเดียวกับท่านคือ พรานเขียวแข้งไม้ และ พรานนุ่น
4 comments:
เท่าที่ได้ฟังเรื่องราวของมโนราคล้าย ขี้หนอน จากคนเฒ่าคนแก่ท่านคือทวดของผมเอง
เท่าที่ได้ฟังเรื่องราวของมโนราคล้าย ขี้หนอน จากคนเฒ่าคนแก่ท่านคือทวดของผมเอง
ท่านอยู่ที่ไหนค่ะ..ดิฉันฝันถึงคนแก่คนนึง มาหารูปในเน็ต.ดูหน้าตาคล้ายท่านโนราห์คล้ายมากเลยค่ะ
26 พฤศจิกายน 2561 19:01
ขุนระบำบันเทิงชาตรี บ้านท่านอยู่ ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา ชื่อบ้านหัวทรายขาว หน้าวัดสลักป่าใหม่ ภรรยาท่านชื่อนางน่วม บุญรัตนัง ลูกสาวท่านเหลือเพียงท่านเดียว ณ.ปัจจุบัน ชื่อนางพูน สุวรรณมณี(ใช้นามสกุลสามี) ที่ยังคงมีชีวิตอยู่อายุ 90กว่าปี ชุดมโนราของท่านเป็นเงินได้สูญหายไปตอนที่ศิษย์ยืมไปทำโนราโรงครูและไม่นำกลับมาคืนท่าน ปัจจุบันยังคงหลงเหลือเพียงเทริดที่บ้านลูกสาวท่านและกำไรแขนที่มอบให้ โนราสิ้ม วงศ์สุวรรณ ปัจจุบันอายุ84ปี ย้ายไปอยู่บ้านซอย10 ควนกาหลง สตูล เท่านั้น (26พย2561)
Post a Comment